6 แข้งดาวรุ่งน่าสนใจของศึกไทยลีก 2020-21 เลกที่สอง

ศึกไทยลีก 2020-21 ช่วงเลกแรก มีนักเตะดาวรุ่งหลายคนที่พาตัวเองไปขึ้นทะเบียนแจ้งเกิดที่ “อำเภอไทยลีก” ได้แบบเต็มภาคภูมิ อาทิ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ แบ็คซ้ายจาก ชลบุรี เอฟซี , ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม กองหน้าจาก ทรู แบงค็อกฯ , กนกพล ปุษปาคม กองกลางจอมขยันจาก โปลิศ เทโรฯ , เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ปีกจรวดจาก สมุทรปราการ ซิตี้

รวมถึง สิทธิโชค ภาโส กองหน้าพรสวรรค์สูงจาก ตราด เอฟซี (ยืมตัวจาก ชลบุรี เอฟซี) และสองนักเตะจากค่าย “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อย่าง วีระเทพ ป้อมพันธุ์ และ สรวิทย์ พานทอง ก็สร้างความโดดเด่นจนน่าจับตามอง

แต่นั่นคือนักเตะที่สามารถแจ้งเกิดไปแล้วในช่วงเลกแรกที่ผ่านมา ซึ่งบางคนโชว์ฟอร์มได้ดีต่อเนื่องมาจากศึกฟุตบอล ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 เมื่อต้นปีที่แล้ว และอนาคตอันใกล้นี้ ศึกไทยลีก 1 ที่จะกลับมาเตะในเลกที่สอง เราก็คงได้เห็นนักเตะอีกหลายคน จ่อคิวขึ้นทะเบียนแจ้งเกิดในอีกครึ่งซีซั่นที่เหลือ ซึ่งอาจจะถึงขั้นเตะตาต้องใจ อากิระ นิชิโนะ ในการเรียกติดทีมชาติไทย ชุดทำศึก ซีเกมส์ 2021 ที่ประเทศเวียดนาม ปลายปีนี้เลยก็ได้

และจะเป็นใครบ้างนั้น ตามเราไปดูกันเลย สำหรับ 6 นักเตะดาวรุ่งที่น่าสนใจของศึกไทยลีก 2020-21 เลกที่สอง

สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ (ตราด เอฟซี)

จริงๆ เขาแจ้งเกิดมาในระดับหนึ่งแล้วแหละ สำหรับกองกลางดาวรุ่งพรสวรรค์สูง ที่เคยถูกตั้งฉายาว่าเป็น “เด็กระเบิด” หรือ “นิว ดัสกร” อย่าง สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ เพราะนี่คือ อดีตแข้งทีมชาติไทย ชุดเยาวชน ที่เคยสร้างชื่อในยุคที่คว้าแชมป์ ยู-19 ชิงแชมป์อาเซียน มาได้ แถมยังผ่านประสบการณ์การค้าแข้งมามากมายกับทั้ง ไวทาคีรีเรนจ์ ยูไนเต็ด (นิวซีแลนด์) , ศรีราชา บ้านบึง , บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด , สุรินทร์ ซิตี้ , พิจิตร เอฟซี , ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด , อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด , สุโขทัย เอฟซี , อยุธยา ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี

แต่ด้วยเรื่องของนอกสนาม และนิสัยส่วนตัว ก็ได้ทำให้ “เจ้าโก้” ลดดีกรีความร้อนแรงของการเป็นดาวรุ่งลงจนแฟนบอลเกือบจะลืมเขาไปแล้ว ทว่าในเลกที่สองของปีนี้ เจ้าตัวได้ย้ายไปอยู่กับ “ช้างขาวจ้าวเกาะ” ตราด เอฟซี ทีมในโซนท้ายตาราง ที่คว้าตัวเขามาร่วมทีมได้สำเร็จ

ซึ่ง “เจ้าโก้” สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ ก็ได้ลงสนามเป็นตัวจริงทันที ให้กับ ตราด เอฟซี ในเกมแรกของเลกที่สอง และช่วยคุมจังหวะเกม สู้กับกองกลางของ โปลิศ เทโร เอฟซี ได้ดี ก่อนจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ทีมเก็บชัยชนะได้ 1-0 ซึ่งเป็น 3 แต้มสำคัญที่ทำให้การลุ้นหนีตกชั้นเปิดกว้าง แถมยังพา “ช้างขาวจ้าวเกาะ” ดีดตัวเองออกจากอันดับบ๊วยได้ด้วย

จิรอัชต์ วิงวอน (สมุทรปราการ ซิตี้)

“อัด” จิรอัชต์ วิงวอน ปีกและกองกลางวัยเพิ่งแตะหลัก 20 ปี มาหมาดๆ กระโดดจากลีก T4 กับ เมืองนนท์ บ้านคุณแม่ เอฟซี เมื่อปี 2019 มาอยู่กับทีมดังอย่าง “เขี้ยวสมุทร” สมุทรปราการ ซีตี้ ในลีก T1 ของซีซั่นนี้ แบบที่ไม่มีใครคาดคิด

และที่เหนือความคาดหมายยิ่งกว่า เมื่อเด็กหนุ่มจากลีกรากหญ้ารายนี้ ได้รับความไว้วางใจจาก มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น ในการให้โอกาสลงเล่นถึง 8 นัด ในศึกไทยลีก

นั่นหมายความว่า “หนุ่มน้อยคนนี้” ต้องมี “ของดี” อยู่กับตัวอย่างแน่นอน และน่าสนใจว่า ในช่วงเลกที่สอง เขาจะยังได้รับโอกาสจากอดีตกุนซือแห่งปีของศึกเจลีก ที่เคยพา คาชิม่า อันท์เลอร์ส คว้ารองแชมป์สโมสรมาแล้ว อย่างต่อเนื่องหรือไม่ และจะโชว์ฟอร์มได้ดีแค่ไหนกับโอกาสที่ได้รับ

กษิดิศ กาฬสินธุ์ (ชลบุรี เอฟซี)

“ปั๊ป” กษิดิศ กาฬสินธุ์ หนึ่งในผลผลิตที่ถูกฟูมฟักมาจากบ่อฉลามน้อย “ชลบุรี เอฟซี อะคาเดมี่” ที่แบกอายุแค่ 16 ปี ขึ้นมาร่วมวงลูกหนังกับรุ่นพี่รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ได้แบบไม่มีเคอะเขิน พร้อมทั้งพาทีมโรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม จ.ชลบุรี คว้าแชมป์ฟุตบอลกรมพลศึกษา ชิงถ้วยพระราชทาน ก. รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ประจำปี 2563 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

ซึ่งทำให้ “ฉลามชล” ไม่รอช้า จัดการส่ง กษิดิศ ไปชุบฝีเท้าที่ สโมสรบ้านบึง เอฟซี ในลีก T3 ในฤดูกาล 2020-21 ก่อนที่ในเลกที่สอง พวกเขาจะตัดสินใจดึงตัวหนุ่มน้อยวัย 16 ปี ที่เล่นได้ทั้งตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ, แบ็คขวา และมิดฟิลด์ตัวรับ ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่

เรียกได้ว่า ก้าวกระโดดจริงๆ เพราะยังเพิ่งอยู่แค่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่เท่านั้น แต่ได้ร่วมฝึกซ้อมกับ “เดอะ บลูชาร์ค” ชุดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยนักเตะระดับพระกาฬของไทยลีก เรียบร้อยแล้ว

มูฮัมหมัดนาเซ กอและ (สุโขทัย เอฟซี)

ชื่อของ “มูฮัมหมัดนาเซ กอและ” อาจจะไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูนักของแฟนบอลชาวไทย แต่ถ้าถามแฟนบอล “ปืนใหญ่ลังกาสุกะ” ปัตตานี เอฟซี ทีมดังในโซนภาคใต้ของลีกล่าง แน่นอนว่า นี่คือ “ผลผลิตที่พวกเขาภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง”

โดย มูฮัมหมัดนาเซ กอและ คือ อดีตกองกลางดาวรุ่งของทัพ “ปืนใหญ่ลังกาสุกะ” ที่เป็นเจ้าของฉายา “วันเดอร์คิดส์ลังกาสุกะ” หลังสร้างสถิติ เป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นให้ ปัตตานี เอฟซี ด้วยวัยเพียง 17 ปี 11 เดือน 14 วัน ก่อนจะถูกดึงตัวมาร่วมทีม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ในช่วงปิดฤดูกาล 2019 ที่ผ่านมา

ก่อนที่ในช่วงเปิดการแข่งขันไทยลีกอีกครั้ง หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ในระลอกแรก คลี่คลายลง ทางด้าน “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี จะยืมตัวมาร่วมทีม และ “นาเซ” ก็สร้างปรากฏการณ์ ทำประตูแรกในชีวิตการค้าแข้งในลีกสูงสุดได้แล้ว ในเกมกับ ระยอง เอฟซี โดยเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 75 และทำประตูได้ในนาทีที่ 89 จากลูกโหม่งในเกมที่ สุโขทัย เอฟซี พ่ายระยอง เอฟซี 1-2 เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ซึ่งจนถึงปัจจุบัน “นาเซ” ได้โอกาสจาก “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ ไปแล้วทั้งหมด 4 เกมในสีเสื้อของ “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี และยิงไปได้ 1 ประตู ในวัย 20 ปี

ตะวัน โคตรสุโพธิ์ (บีจี ปทุมฯ)

เป็นตัวรุกดาวรุ่งอีกคนหนึ่งที่เติบโตมาจากค่าย “กระต่ายแก้ว” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และถูกส่งไปอัพเลเวลไกลถึงประเทศญี่ปุ่น กับ เซเรโซ่ โอซาก้า ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ถึง 2 ฤดูกาล สำหรับ ตะวัน โคตรสุโพธิ์ ก่อนจะถูกดึงตัวกลับมาอยู่กับทีมในช่วงเลกที่สองของซีซั่นนี้ ในวัย 20 ปี

สำหรับประสบการณ์ในถิ่น เซเรโซ่ โอซาก้า ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี นั้น เขาได้ลงสนามในศึก J3 ตั้งแต่ปี 2019 และ 2020 ไปทั้งสิ้น 25 เกม แบ่งออกเป็นปี 2019 จำนวน 13 นัด (ตัวจริง 3 เกม) และ ปี 2020 จำนวน 12 นัด (ตัวจริง 2 เกม)

ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ ทาง “เดอะ แรบบิท” ก็หวังว่า ตะวัน โคตรสุโพธิ์ จะนำทักษะที่ได้จากการไปเรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังถึงแดนอาทิตย์อุทัย กลับมาเป็นตัวเลือกชั้นดีในแนวรุกให้กับ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ในช่วงเลกที่สองนี้

มาร์โก บัลลินี (เอสซีจี เมืองทองฯ)

แนวรับลูกครึ่ง ไทย-อิตาลี ที่มีส่วนสูงกว่า 2 เมตร นับเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่แฟนบอลไทยคาดหวัง และรอวันจรัสแสงพอสมควร สำหรับ มาร์โก บัลลินี

โดย มาร์โก ที่มีคุณพ่อเป็นชาวอิตาลี และมีคุณแม่เป็นชาวจังหวัดอุดรธานี เขาเกิดที่เมืองโบโลญญ่า ประเทศอิตาลี และเริ่มเล่นฟุตบอลให้กับทีมเยาวชนของเซเซน่า ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ก่อนย้ายไปร่วมทีม อัลฟอนซิเน่ ในเซเรียดี และตัดสินใจย้ายมาอยู่ในเมืองไทย กับสโมสร ชัยนาท ฮอร์นบิล ในปี 2018 ซึ่งได้ลงเล่นให้กับ “นกใหญ่พิฆาต” ไปทั้งสิ้น 20 เกม

ก่อนที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จะมองเห็นแววของเจ้าตัว และดึงมาร่วมทัพ เมื่อกลางปี 2019 ทว่า เขากลับพบปัญหาอาการบาดเจ็บ จนต้องอดลงสนามไปกว่าครึ่งปี จนกระทั่งการเข้ามาของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ก็ทำให้เขาได้รับความเชื่อมั่นในการเล่นอีกครั้ง พร้อมทั้งได้รับโอกาสจาก “ซูเปอร์มาริโอ” ลงเป็นตัวสำรอง และทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมในเกมที่ “กิเลนผยอง” เปิดบ้านเอาชนะ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ในศึก ช้าง เอฟเอคัพ 2020-21 รอบ 32 ทีมสุดท้าย

ทำให้หลังจากนั้น มาร์โก บัลลินี่ ก็ได้ลงสนามในลีกแบบเป็นตัวจริง ในอีกสามเกมหลัง ครบทุกนัด ภายใต้การวางหมากของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ และช่วยให้ทีมไม่พบกับความพ่ายแพ้เลยสักเกม

ดูเหมือนว่า “มาริโอ” จะชื่นชอบ “มาร์โก” เข้าให้แล้ว ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟของทีม “กิเลนผยอง”



สนับสนุนโดยเว็บไซต์ lsm