ใจหายใจคว่ำอีกแล้วสำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" หลังจากที่ ลิเวอร์พูล เก็บสามแต้มได้อย่างหวุดหวิด ด้วยการเปิดบ้านเชือด ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 2-1 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา แถมมีเรื่องที่ชวนให้หัวเสียจากการกระทำของ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารรูปหล่อชาวบราซิเลียน ด้วย แต่ถึงกระนั้น "หงส์แดง" ภายใต้การนำทัพของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ทำได้ตามเป้า และนี่คือ 7 ประเด็นที่ได้จากเกมสุดระทึกที่ แอนฟิลด์
- อีกหนึ่งชัยชนะสุดล้ำค่า
แม้เป็นชัยชนะที่ไม่ได้สวยหรู แต่ก็ถือเป็นอีกสามแต้มที่มีค่ามากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำได้แค่บุกไปเสมอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-2 ขณะที่ เชลซี ก็ดันพลิกล็อกพ่าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด คาบ้าน 0-1 ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่า ตอนนี้ "หงส์แดง" โกยคะแนนทิ้งห่าง แมนฯ ซิตี้ กับ เลสเตอร์ ซิตี้ (ลงเตะน้อยกว่า 1 นัด) ไปไกลเป็น 11 แต้มแล้ว แถมนำ "สิงห์บลูส์" ที่รั้งอันดับสี่ถึง 14 แต้มด้วย ซึ่งถือเป็นการเติมกำลังใจที่ดีมากๆ สำหรับทัพ "หงส์แดง" ที่มีโปรแกรมหนักรออยู่ตลอดเดือนธันวาคมนี้
- รูปเกมน่าเป็นห่วง
ต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า ในช่วงหลายเกมที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล เล่นไม่ดีเลย แม้สามารถเก็บชัยชนะได้เรื่อยๆ ก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่า "ชัยชนะ" คือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ เพราะคนเราไม่ได้ดวงดีเสมอไป และเกมนี้ก็เป็นอีกนัดที่พวกเขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเฉพาะเกมรุกที่ขาดความดุดัน และเล่นได้ไม่ดีเหมือนฤดูกาลก่อน ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องยกระดับฟอร์มขึ้นมาโดยด่วน หากต้องการกอบโกยความสำเร็จในฤดูกาลนี้
- อลีสซง เสียค่าโง่
จากที่กำลังจะปิดเกมคว้าชัยชนะแบบสบายๆ กลายเป็นอีกหนึ่งเกมที่หืดจับสุดๆ ซึ่งแน่นอนว่า จะโทษใครไม่ได้เลยนอกจาก อลีสซง ที่โดนใบแดงจากการใช้มือปัดบอลนอกเขตโทษ จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม หากมองกันแบบแฟร์ๆ จังหวะดังกล่าว เดยัน ลอฟเรน ก็น่าจะช่วยได้ดีกว่านี้ด้วย แต่ยังไงซะ อลีสซง รับไปเต็มๆ เพราะจังหวะนี้เขาควรจะอยู่ประจำการหน้าประตูมากกว่า เนื่องจากตำแหน่งที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ กองหน้า ไบรท์ตัน กำลังไปถึงบอลนั้น ยังอยู่ห่างจากประตู และ ลอฟเรน ก็ดูเหมือนกำลังจะไล่เข้ามาทันด้วย
- ฟรีคิกปัญหา
สำหรับประตูตีไข่แตกของ ไบรท์ตัน จริงๆ แล้วไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่มันสะกิดให้คิดในหลายๆ แง่ ถ้ามองทางฝั่ง ลิเวอร์พูล แน่นอนว่า พวกเขาก็พลาดเองด้วย เพราะควรจะมีสมาธิมากกว่านี้ โดยเฉพาะ อาเดรียน นายประตูสำรอง ที่ดันมัวแต่สั่งการเพื่อนร่วมทีมเรื่องตั้งกำแพง แต่ถ้ามองฝั่งทีมเยือน มันก็เป็นสิทธิ์ของ ลูอิส ดังค์ ที่สามารถฉวยโอกาสยิงเร็วได้ เพราะได้สัญญาณเสียงนกหวีดจากผู้ตัดสินแล้ว แต่!!!... ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ตัวผู้ตัดสิน เพราะกรรมการบางคนเลือกที่จะรอให้ทุกอย่างเข้าที่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกำแพง หรือตำแหน่งการยืนของผู้รักษาประตู จากนั้นก็ค่อยเป่าให้ยิงฟรีคิก ทว่าผู้ตัดสินในเกมนี้ดันเป็นเปาที่ชื่อว่า มาร์ติน แอตกินสัน ไงล่ะ! แถมแว่วๆ มาว่า เกมที่จะเจอกับ เอฟเวอร์ตัน วันพุธนี้ แอตกินสัน ก็จะทำหน้าที่ดูแล VAR ด้วย
- คลีนชีตที่หายากหาเย็น
หลังจากที่เสียประตูติดๆ มา 11 นัดรวมทุกรายการ ดังนั้นเกมนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะเก็บคลีตชีตได้ และก็กำลังจะทำได้อยู่แล้ว แต่สุดท้ายมาเสียประตูแบบไม่น่าเสีย ทำให้ตอนนี้สถิติถูกยืดออกไปเป็น 12 เกมติดแล้วที่เสียประตู ซึ่้งถือเป็นเรื่องที่น่าใจหายไม่น้อย เมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว
- ซูเปอร์ฮีโร่ ฟาน ไดค์
ไม่พูดถึงไม่ได้เลย เพราะเกมนี้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ถือเป็นพระเอกของ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง เพราะนอกจากเหมาทำคนเดียวสองประตูจากลูกโขกแล้ว ยังทำงานหนักมากในเกมรับด้วย โดยเฉพาะในช่วงท้ายเกมที่ทีมเหลือผู้เล่น 10 คน และโดน ไบรท์ตัน เปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างหนัก
- หลังจากนี้คือบททดสอบของจริง
เกมนี้ผ่านไปพร้อมกับชัยชนะ ซึ่งถือว่าทำได้ตามเป้า และเป็นการรักษาโมเมนตัมที่ดี แต่หลังจากนี้ไปถือเป็นศึกหนักอย่างแท้จริง เพราะนอกจากต้องกรำศึกหนักทั้งเกมลีก, แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึง ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ แล้ว ยังจะต้องขาดแข้งแกนหลักอย่าง ฟาบินโญ่ และ อลีสซง ก็จะต้องติดโทษแบนด้วย (พลาดลงเจอกับ เอฟเวอร์ตัน วันพุธนี้แน่นอน) ดังนั้นช่วงนี้แหละ จะถือเป็นช่วงที่วัดความยอดเยี่ยมและความแข็งแกร่งด้านสภาพจิตใจของนักเตะ ลิเวอร์พูล ได้เป็นอย่างดี และอาจจะเป็นช่วงที่สามารถชี้ได้เลยว่า "หงส์แดง" จะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ที่พวกเขาใฝ่ฝันมาตลอด
|